บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนตั้งโรงงานผลิตที่ประเทศออสเตรเลียในปี 54 หากมียอดขายตามเป้า เบื้องต้นคาดว่าปี 51 จะมียอดขาย 9 ล้านบาท และขยับขึ้นไปเป็น 300 ล้านบาทในปี 53 ก่อนหน้านี้บริษัทได้ขอจดทะเบียนกับสำนักงานด้านอาหารและยา(อย.)ของออสเตรเลีย เพิ่มอีก 1 ผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งเป็นสเปรย์กำจัดปลวก โดยส่งขายผ่านบริษัทกำจัดแมลงที่ออสเตรเลียโดยเฉพาะ
นายเถกิงพล เหล่าพิสุทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงิน-นักลงทุนสัมพันธ์ SWC กล่าวว่า ปีหน้ายอดขายจะเพิ่มขึ้นตามการขยายผลิตภัณฑ์ ยากำจัดแมลงชนิดเข้มข้นและผลิตภัณฑ์เคมีเกษตร รวมทั้ง การเติบโตของยอดขายในออสเตรเลีย หลังจากที่บริษัทผ่านอย.ในการตรวจสอบยากำจัดแมลงสูตรน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายจากออสเตรเลีย 9 ล้านบาทในปีแรก
นอกจากนี้ ช่วงปลายปีนี้-ต้นปี 51 บริษัทก็จะขออนุญาต อย.ของออสเตรเลียเพื่อจำหน่ายยากำจัดแมลงสูตรน้ำ ซึ่งจะทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากมียอดขาย 300 ล้านบาทใน 2-3 ปีข้างหน้าแล้ว บริษัทก็จะลงทุนสร้างโรงงานใหม่ที่ออสเตรเลีย แต่คาดว่าคงจะเห็นได้อย่างเร็วในปี 54 โดยการลงทุนดังกล่าวบริษัทจะต้องศึกษาว่าจะเเข้าไปซื้อกิจการหรือจะเข้าลงทุนใหม่ทั้งหมด หากเลือกลงทุนใหม่คงจะต้องมีการเพิ่มทุนจดทะเบียน "มาร์จิ้นที่ออสเตรเลียดีกว่าเมื่อเทียบกับในประเทศ เนื่องจากขายราคาสูงกว่า ขณะที่ภาษีนำเข้า 0%" นายเถกิงพล กล่าว
ปัจจุบันมาร์จิ้นในธุรกิจผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดแมลงอยู่ที่ 36% ผลิตภัณฑ์รักษาเนื้อไม้ 23% ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 27% ที่เหลือมาจากผลิตภัณฑ์เคมีเกษตรและอื่นๆ ดังนั้น บริษัทจึงพยายามที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงเพื่อทำให้ภาพรวมของอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin) เพิ่มขึ้น
"ในไตรมาส 4 ปีนี้ Gross Profit คงจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่ 32.44%จากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิมขึ้นจากราคาน้ำมันและ Net Profit อาจต่ำกว่าไตรมาส 3 ที่ 10.8% ด้วย เพราะเรามีค่าใช้จ่ายจากโฆษณา 20 ล้านบาทที่มาลงในไตรมาส 4 ...ส่วนการที่เรามองปีหน้ารายได้โต 6-8% เพราะเรามองแบบ Conservative จากเศรษฐกิจที่เราคิดว่าไม่น่าจะดี หรือทรงตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ แต่หากทุกอย่างดีก็อาจจะมากกว่านี้ จึงหันไปเพิ่มมาร์จิ้นในออสเตรเลียมากขึ้น" นายเถกิงพล กล่าว
นายเถกิงพล กล่าวต่อว่า ในส่วนของการย้ายฐานผลิตในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมายังโรงงานใหม่นั้นจะทำให้กำลังการผลิตในกลุ่มทำความสะอาดเพิ่มเป็น 5.2 ล้านลิตร จากปัจจุบัน 4.4 ล้านลิตร คาดว่าจะสามารถผลิตได้ต้น ม.ค.51 การที่ขยายโรงงานใหม่ เนื่องจากกมองกว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดยังเติบโต โดยปัจจุบันบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ในสินค้าดังกล่าว 1.4% จากมูลค่ารวม 4 พันกว่าล้านบาท ขณะที่พื้นที่โรงงานเดิมบริษัทก็จะผลิตสินค้าประเภทสารเคมีเกษตรและยารักษาเนื้อไม้เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการในอนาคต
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2550